บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) เกินต้าน! โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกปี 68 รายได้ 2,435 ล้านบาท พุ่ง 146% กำไรสุทธิ 233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243% ทำนิวไฮต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้งานโครงการภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ฟากแม่ทัพหญิง “เบญญาภา เฉลิมวัฒน์” ระบุ โค้งสุดท้ายลุยประมูลงาน SI เมกะโปรเจคระดับ 1,000 ล้านบาท หนุน Backlog แน่นกว่า 4,095 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ยาว 5 ปี มั่นใจผลักดันรายได้ปีนี้เติบโตทะลุเป้าหมายแตะ 3,000 ล้านบาท ทำนิวไฮ
นางสาวเบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) (PIS) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 (สิ้นสุด 30 กันยายน 2568) บริษัทฯ มีรายได้ 2,435 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,446 ล้านบาท หรือ 146% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 989 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 233ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165 ล้านบาท หรือ 243% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ส่วนงวดไตรมาส 3/2568 มีรายได้ 996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 399 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56 ล้านบาท หรือ 237% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น มากจากการทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานโครงการของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะงานด้านการรับวางระบบแบบครบวงจร (SI : System Integration) ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญสูง และล่าสุดบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ที่ชนะการประมูล และรอรับรู้รายได้ในอนาคตกว่า 4,095 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 1-5 ปีข้างหน้าเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยพร้อมเดินหน้าประมูลงานโครงการภาครัฐและรัฐวิสาหกิจหลายรายการ และขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาเพิ่มเติม รวมถึงยังมุ่งแสวงหาโอกาสใหม่ในหลากหลายด้าน เพื่อเสริมศักยภาพในการเข้ารับงานโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมกับเชื่อมั่นว่ารายได้รวมในปีนี้จะสามารถเติบโตแตะระดับ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นสถิติสูงสุดใหม่ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน” นางสาวเบญญาภา กล่าว
ปัจจุบัน PIS มีรายได้หลักจากงาน SI และยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ พร้อมพัฒนาโซลูชันที่สอดคล้องความต้องการของลูกค้าและสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบัน เช่น การประยุกต์ใช้ AI Generative, ระบบ Cloud-native, Cybersecurity และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Analytics) รวมถึงพัฒนาบุคลากรในทักษะต่างๆ รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งเป็นการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกในการกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน